วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

ปัจจัยที่มีผลต่อพลังงานขั้นพื้นฐาน (B.M.)

ปัจจัยที่มีผลต่อพลังงานขั้นพื้นฐาน (B.M.)
พลังงานในการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย หรือที่เรียกว่าพลังงานขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต (basal metabolism : B.M.)
                รวมทั้งการรักษาระดับความร้อนภายในร่างกาย หรืออุณหภูมิของร่างกายให้คงที่  การทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย ได้แก่ การหายใจทางปอด การเต้นของหัวใจ การหมุนเวียนของเลือด การทำงานของระบบทางเดินอาหาร เช่น การย่อย และการดูดซึม ล้วนแต่ต้องใช้พลังงานทั้งสิ้น แม้แต่ขณะพักผ่อนนอนหลับอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ และปอดก็ยังทำงานอยู่ พลังงานที่ใช้สำหรับการทำงานของอวัยวะภายในเหล่านี้เป็นพลังงานที่ใช้สำหรับการเผาผลาญขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ร่างกายดำรงชีวิตอยู่ได้
                1. พื้นที่ผิวหรือขนาดรูปร่าง นักวิทยาศาสตร์พบว่า ปริมาณความร้อนที่ผลิตต่อหน่วยน้ำหนักของสัตว์เล็กจะสูงกว่าสัตว์ใหญ่ ทั้งนี้เพราะสัตว์เล็กมีพื้นที่ผิวต่อน้ำหนักมากกว่าสัตว์ใหญ่ ดังแสดงในตารางที่ 1 แต่ถ้าคิดต่อพื้นที่ผิวหนึ่งตารางเมตรแล้วจะใกล้เคียงกัน
ตารางที่ 1 ปริมาณความร้อนที่สัตว์และคนผลิตใน 24 ชั่วโมง
ชนิดของสัตว์
น้ำหนัก (กิโลกรัม)
ความร้อนต่อกิโลกรัม
ความร้อนต่อพื้นที่ผิว 1 ตารางเมตร
ม้า
441
11.3
948
หนู
128
19.1
1078
คน
64.5
32.1
1042
สุนัข
15.2
51.5
1037
ห่าน
3.5
66.7
969
เป็ดไก่
2
71
943
                โดยเหตุนี้ B.M. จึงขึ้นกับพื้นที่ผิว ถ้ามีพื้นที่ผิวมาก B.M. จะสูง พื้นที่ผิวน้อย B.M. จะต่ำ ดังนั้น คนที่ผอมสูงที่มีพื้นที่ผิว หรือกล้ามเนื้อ (active tissue) มากกว่าคนเตี้ยล้ำที่มีน้ำหนักเท่ากัน จะมี B.M. สูงกว่า
                2. เพศ จากการวิเคราะห์ร่างกายพบว่า เพศหญิงและเพศชาย ถึงแม้จะมีน้ำหนักและส่วนสูงเท่ากัน แต่พลังงานที่ต้องการขั้นพื้นฐานภายในร่างกายไม่เท่ากัน เพศหญิงมีกล้ามเนื้อหรือ active tissue น้อยกว่า หรือมีไขมันมากกว่าเพศชาย ดังนั้นผู้หญิงจึงต้องการพลังงานสำหรับค่า B.M. ต่ำกว่าเพศชายร้อยละ 10 ดังนั้น
                ผู้ใหญ่ชายต้องการพลังงานสำหรับ      B.M. 1 แคลอรี/น้ำหนัก 1 กิโลกรัม/ชั่วโมง
                ผู้ใหญ่หญิงต้องการพลังงานสำหรับ    B.M. 0.9 แคลอรี/น้ำหนัก 1 กิโลกรัม/ชั่วโมง
                3. อายุ ค่า B.M. สูงสุดในระยะที่เป็นทารก คือ 2 แคลอรีต่อกิโลกรัมต่อชั่วโมง B.M. จะลดต่ำลงเมื่ออายุมากขึ้น เมื่อหรือเข้าวัยหนุ่มสาวค่า B.M. จะสูงขึ้นเล็กน้อย เพราะต่อมต่างๆเริ่มทำงานมากขึ้น และจะลดลงเมื่อถึงวัยผู้ใหญ่หรือหลังอายุ 20 ปีไปแล้ว ค่า B.M. ใยวัยรุ่นจะสูงกว่าวัยผู้ใหญ่ร้อยละ 20 ยิ่งในผู้ชาย B.M. ลดลงมากกว่าผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้น ดังแสดงในตารางที่ 2
ตารางที่ 2 ค่า B.M. ของคนอายุต่างกันแยกตามเพศ
อายุ
แคลอรี/ตารางเมตร/ชั่วโมง
ชาย
หญิง
18-20
40.1
35.4
21-23
39.2
35.2
24-26
38.4
35.1
27-29
37.8
35
30-32
37.4
35
33-35
37
34.9
36-39
36.7
34.6
40
36.5
34.3
45
36.3
33.9
50
36
33.4
55
35.4
32.9
60 หรือมากกว่า
น้อยกว่า 34.8
น้อยกว่า 32.4
                4. อุณหภูมิของอากาศ เชื้อชาติไม่มีอิทธิพลต่อ B.M. แต่อุณหภูมิและความชื้นในอากาศทำให้ B.M. เปลี่ยนได้มาก โดยค่า B.M. เปลี่ยนร้อยร้อยละ 5 ทุก 10 องศาเซลเซียส ที่เปลี่ยนแปลงคือถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าปกติ 10 องศาเซลเซียส ค่า B.M. จะต่ำลงร้อยละ 5 ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ 10 องศาเซลเซียส ค่า B.M. จะสูงขึ้นร้อยละ 5 และในที่ที่อากาศแห้ง ค่า B.M. จะสูงกว่าในที่ที่มีอากาศชื้น
                5. อาหาร คนที่อดอาหารเสมอ ค่า B.M. จะลดลงกว่าปกติถึงร้อยละ 30 คนที่รับประทานพืชผักเป็นเวลานาน หรือบริโภคอาหารมังสวิรัติจะมีค่า B.M. ต่ำกว่าคนที่บริโภคเนื้อสัตว์เป็นอาหารหลัก
                6. การทำงานของต่อมไร้ท่อในร่างกาย ต่อมไร้ท่อทั้งหมดในร่างกาย ต่อมไทรอยด์มีอิทธิพลต่อค่า B.M. มากกว่าต่อมอื่น ในคนที่มีต่อมไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ ค่า B.M. จะสูงขึ้นร้อยละ 40-50 และอาจสูงได้ถึงร้อยละ 75 ส่วนผู้ที่มีต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติค่า B.M. จะลดลงประมาณร้อยละ 15-30 ในอดีตจึงใช้ค่า B.M. เป็นเครื่องตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์
                นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิของอากาศ ถ้าอากาศหนาวต่อมไทรอยด์ทำงานมากขึ้นค่า B.M. จะเพิ่มมากขึ้น ถ้าอากาศร้อนต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลง ค่า B.M.จะลดลง
                ฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไตชั้นในที่มีชื่อว่า อะดรีนาลีน (adrenaline) มีผลต่อ B.M. แต่น้อยกว่าฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์มาก ภาวะของอารมณ์ เช่น ความเครียด ความโกรธ ความวิตกกังวล และความเจ็บปวด มีผลทำให้อะดรีนาลีนเพิ่มขึ้น ค่า B.M.สูงขึ้นด้วย
                7. โรคภัยไข้เจ็บ การเป็นไข้ หรือโรคที่ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เช่น วัณโรค ไข้จับสั่น ไข้รากสาด ค่า B.M.จะสูงขึ้นร้อยละ 13 ทุกๆ 1 องศาเซลเซียสที่อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้คนที่เป็นไข้ควรกินอาหารมากกว่าปกติ
                8. การพักผ่อนนอนหลับ ระหว่างนอนหลับ ค่า B.M. จะน้อยกว่าเวลาตื่นถึงร้อยละ 10 เนื่องจากกล้ามเนื้อคลายความตึงเครียด และลดการทำงานของกล้ามเนื้ออัตโนมัติลงอย่างไรก็ตามพลังงานนี้ขึ้นกับการเคลื่อนไหวขณะหลับด้วย ถ้าหลับไม่สนิทหรือนอนดิ้นไปมา พลังงานขั้นพื้นฐานอาจลดลงน้อยกว่าร้อยละ 10
                

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น