คาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรต
คือ สารอาหารอีกชนิดที่ให้พลังงาน
โดยเป็นแหล่งพลังงานหลักที่เซลล์ในร่างกายนำมาใช้เพื่อการทำงานและเพื่อการดำรงชีวิต
โดยเฉพาะเซลล์สมองและเซลล์กล้าม เนื้อ ซึ่งเมื่อเหลือจากการใช้งาน
ร่างกายสามารถเก็บสะสมคาร์โบไฮเดรตไว้ใช้ในยามขาดแคลนได้ โดยแหล่งสะสมคาร์โบไฮเดรตที่สำคัญ
คือ ตับ และกล้ามเนื้อ คาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารที่พบมากใน อาหารประเภท ข้าว แป้ง
น้ำตาล เผือก มัน และพืชผักผลไม้ที่มีรสหวาน คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงานประมาณ 4 กิโลแคลอรี
ซึ่งในผู้ใหญ่ปกติควรได้รับพลังงานจากอาหารคาร์โบไฮเดรตประมาณ 50% ของพลังงานอาหารทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน (พรพิศ เรืองขจร. 2012.) ปกติร่างกายต้องการพลังงานที่ได้รับจากคาร์โบไฮเดรต
ร้อยละ 60 มีสูตรดังนี้
กิโลแคลอรี
= (BEE)×60/100
คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี
โปรตีน
จากข้อกำหนดสารอาหารที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทยข้างต้น
(ตารางที่ 1) ปริมาณโปรตีนที่วัยรุ่นหญิงควรได้รับคือ 1.0-1.2
กรัม/กก./วัน และวัยรุ่นชายควรได้รับ 1.1-1.2
กรัม/กก./วัน สัดส่วนของโปรตีนจึงเป็นประมาณร้อยละ 10-20
ของพลังงานที่บริโภคทั้งหมดต่อวัน ทั้งนี้ไม่มีความจำเป็นที่วัยรุ่นชายจะกินโปรตีนเสริมเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ
เนื่องจากรูปร่างที่มีกล้ามของวัยรุ่นชายเป็นพัฒนาการตามวัยจากอิทธิพลของฮอร์โมนร่วมกับการได้อาหารที่มีโภชนาการครบถ้วน
การมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมและการพักผ่อนที่เพียงพอ เช่นเดียวกับพลังงาน ความต้องการโปรตีนในวัยรุ่นแปรตามอัตราการเติบโตมากกว่าอายุ
นอกจากนี้
การจำกัดพลังงานเพื่อรักษารูปร่างในวัยรุ่นบางคนอาจทำให้ได้พลังงานไม่เพียงพอ
ร่างกายต้องใช้โปรตีนจากอาหารเพื่อสร้างพลังงานแทนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
หรือซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตได้
ผลสำรวจการบริโภคอาหารของประชาชนไทย พ.ศ. 2551-2552 พบว่า
วัยรุ่นส่วนใหญ่บริโภคโปรตีนเพียงพอ โดยค่ามัธยฐานของโปรตีนที่บริโภคอยู่ช่วง 41.9-64.8
กรัมต่อวัน เท่ากับร้อยละ 79.1-119.7
ของปริมาณโปรตีนที่ควรได้รับประจำวันและแหล่งของโปรตีน ส่วนใหญ่มาจากเนื้อสัตว์ (วราภรณ์
เสถียรนพเก้า, รัชดา เกษมทรัพย์. 2554.)
ปกติร่างกายต้องการพลังงานที่ได้รับจากโปรตีน ร้อยละ 10
มีสูตรดังนี้
กิโลแคลอรี
= (BEE)×10/100
โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี
กรัมต่อวัน = กิโลแคลอรี/4
ไขมัน
เนื่องจากวัยรุ่นมีอัตราการเจริญเติบโตสูงจึงควรบริโภคไขมันประมาณร้อยละ
30 ของพลังงานที่ได้รับ (Endorsed by the
American Academy of Pediatrics. 2005)
ซึ่งผลสำรวจการบริโภคอาหารของประชาชนไทย พ.ศ.2551-2552
พบว่าสัดส่วนของพลังงานที่ได้รับจากไขมันในวัยรุ่นชายมีค่าเฉลี่ยร้อยละ
31.0-33.9 ส่วนในวัยรุ่นหญิง ค่าเฉลี่ยร้อยละ 30.9-32.54
อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นควรลดกรดไขมันอิ่มตัวไม่ให้เกินร้อยละ 7 ของพลังงานที่ได้รับ บริโภคพลังงานจากกรดไขมันชนิด polyunsaturated
ไม่เกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่รับ
และสัดส่วนที่เหลือมาจากกรดไขมันชนิด monounsaturated ซึ่งสามารถปฏิบัติได้โดยเลี่ยงอาหารที่ทอดน้ำมันจนกรอบ อาหารฟาสต์ฟู้ด
และอาหารที่มันเยิ้มเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคอ้วน ปัญหาไขมันในเลือดสูง
โรคหัวใจและหลอดเลือด (ลัดดา เหมาะสุวรรณ. 2555.) ปกติร่างกายต้องการพลังงานที่ได้รับจากไขมัน
ร้อยละ 30 มีสูตรดังนี้
กิโลแคลอรี = (BEE)×30/100
ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี
กรัมต่อวัน = กิโลแคลอรี/9
ตัวอย่างการกำหนดส่วนอาหารที่ควรได้รับ
แพทย์กำหนดให้นายดุสิต ราชสีมา ได้รับอาหารธรรมดา พลังงานวันละ 1,600 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันร้อยละ 55:15:30 ของพลังงานทั้งหมด ให้คำนวณหาปริมาณสารอาหารที่นายดุสิต ราชสีมา ต้องได้รับใน 1 วัน
คำนวณหาปริมาณสารอาหารที่ต้องการ
พลังงานที่ควรได้รับ 1,600 กิโลแคลอรีต่อวัน กำหนดให้ได้รับ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันร้อยละ 55:15:30 ของพลังงานทั้งหมด
กำหนดให้ผู้ป่วยได้รับคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 55 ของพลังงานทั้งหมด
คาร์โบไฮเดรต = 55/100 × 1,600
= 880 กิโลแคลอรี
คำนวณเป็นคาร์โบไฮเดรตได้วันละ = 880/4
= 220 กรัม
(คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี)
ดังนั้น นายดุสิตควรได้รับคาร์โบไฮเดรตจากอาหารวันละ 220 กรัม
กำหนดให้ผู้ป่วยได้รับโปรตีน ร้อยละ 15 ของพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน
โปรตีน = 15/100 × 1,600
= 240 กิโลแคลอรี
คำนวณเป็นโปรตีนได้วันละ = 240/4
= 60 กรัม
(โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี)
ดังนั้น นายดุสิตควรได้รับโปรตีนจากอาหารวันละ 60 กรัม
กำหนดให้ผู้ป่วยได้รับไขมัน ร้อยละ 30 ของพลังงานทั้งหมด
ไขมัน = 30/100 × 1,600
= 480 กิโลแคลอรี
คำนวณเป็นไขมันได้วันละ = 480/9
= 53.33 กรัม
(ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี)
ดังนั้น นายดุสิตควรได้รับไขมันจากอาหารวันละ 53.5 กรัม
(พันธนันท์ ศรีม่วง. 2555)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น