พลังงานพื้นฐานซึ่งประมาณดังนี้
หญิงวัยทำงานอายุ 25-60 ปี และผู้สูงอายุ
60 ปีขึ้นไป คือ
1,600 แคลอรี
ชายวัยทำงานอายุ 25-60 ปี
และวัยรุ่นหญิง-ชายอายุ 14-25 ปี คือ 2,000
แคลอรี
ผู้ที่ใช้พลังงานมาก
เช่น เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน นักกีฬา คือ
2,400 แคลอรี
โดยปกติแล้วในสูตรคำนวณจะใช้ว่า
ไขมัน 1 กิโลกรัมนั้นเทียบได้กับพลังงาน 7,700 แคลอรี หากคำนวณดูแล้วไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9
แคลอรี ดังนั้น
ไขมัน 1 กิโลกรัมก็ต้องใช้พลังงาน 9,000 แคลอรี แต่เนื่องจากไขมันในร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบ จึงให้พลังงานประมาณ 7,700 แคลอรีต่อไขมัน 1 กิโลกรัม
ไขมัน 1 กิโลกรัมก็ต้องใช้พลังงาน 9,000 แคลอรี แต่เนื่องจากไขมันในร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบ จึงให้พลังงานประมาณ 7,700 แคลอรีต่อไขมัน 1 กิโลกรัม
ถ้าเผาผลาญพลังงานต่อวัน 1,600 กิโลแคลอรี แต่เลือกที่จะลดอาหารเพียงอย่างเดียว โดยตั้งเป้าหมายอยู่ที่
550 กิโลแคลอรี เท่ากับว่าวันหนึ่งจะกินได้ไม่เกิน 1,050 แคลอรี เมื่อเราจำกัดอาหาร ร่างกายเราจะไม่ได้รับพลังงานมาใช้
ทำให้เกิดอาการเบลอ เพราะสมองเราใช้พลังงานได้จากแป้งเท่านั้น ภูมิคุ้มกันก็จะต่ำทำให้ป่วยได้ง่าย
ถ้าร่างกายได้รับไขมันไม่เพียงพอ
ฮอร์โมนจะทำงานไม่ปกติ เพราะไขมันเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย
หรือถ้ากินโปรตีนไม่เพียงพอที่จะไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะทำให้เราสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
การเผาผลาญในร่างกายก็จะลดต่ำลง
แม้จะกินอาหารน้อยกว่าเดิม แต่ถ้าหลังจากที่เลิกอดอาหาร
ก็อาจจะเกิดภาวะโยโย่ได้หรือน้ำหนักตัวพุ่งขึ้นสูงกว่าเดิม
สมาคมเวชศาสตร์การกีฬาแห่งอเมริกา จึงแนะนำว่าคนเราไม่ควรบริโภคต่ำกว่าวันละ 1,200 แคลอรี โดยสัดส่วนพลังงานที่ได้จากการบริโภคอาหารนั้นคือ คาร์โบไฮเดรต 55% โปรตีน 15% ไขมัน 30%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น