การวัดพลังงานที่ใช้ในร่างกาย
ทำได้
2 วิธี คือ การวัดโดยตรง และการวัดโดยอ้อม
การวัดพลังงานหรือแคลอรีโดยตรง
(direct calorimeter) เป็นการวัดความร้อนที่เกิดขึ้น
หรือสูญเสียจากร่างกายซึ่งเกิดจากการทำงานของร่างกายโดยตรงไม่ว่าร่างกายจะอยู่นิ่ง
หรือกำลังมีการทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
เครื่องมือที่ใช้โดยมากเป็นห้องปิดสนิทที่เรียกว่า แคลอรีมิเตอร์วัดการหายใจ (respiration
calorimeter) ห้องดังกล่าวมีลักษณะเป็น 2 ชั้น
ผนังชั้นในถ่ายเทความร้อนได้สะดวกระหว่างผนัง 2 ชั้น
มีท่อน้ำไหลผ่านเพื่อวัดอุณหภูมิของน้ำที่สูงขึ้น และปริมาณน้ำที่ระเหยไป ดังแสดงในรูปที่ 1 จากปริมาณของน้ำที่ไหลผ่านห้องในและอุณหภูมิของน้ำที่เพิ่มขึ้น สามารถคำนวณปริมาณของพลังงานหรือความร้อนที่เกิดขึ้นในร่างกายในช่วงเวลาที่ทำการทดลองนั้น
มีท่อน้ำไหลผ่านเพื่อวัดอุณหภูมิของน้ำที่สูงขึ้น และปริมาณน้ำที่ระเหยไป ดังแสดงในรูปที่ 1 จากปริมาณของน้ำที่ไหลผ่านห้องในและอุณหภูมิของน้ำที่เพิ่มขึ้น สามารถคำนวณปริมาณของพลังงานหรือความร้อนที่เกิดขึ้นในร่างกายในช่วงเวลาที่ทำการทดลองนั้น
ความร้อนที่ออกจากร่างกายหรือพลังงานที่ใช้ไป
= จำนวนกรัมของน้ำ × อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น (℃)
ในปัจจุบันไม่นิยมวิธีนี้
เนื่องจากมีความคลาดเคลื่อนมาก เพราะในทางปฏิบัติมักวัดปริมาณออกซิเจนที่บุคคลนั้นหายเข้าใจและคาร์บอนไดออกไซด์ที่หายใจออกไว้ด้วย
แล้วหาค่าแคลอรีต่อ 1 ลิตรของออกซิเจนที่ใช้
รูปที่ 1 จำลองการวัดพลังงานที่ใช้ในร่างกายโดยตรง
ที่มา : Wildman and Miller, 2004
การวัดพลังงานหรือแคลอรีทางอ้อม (indirect
calorimeter) โดยใช้เครื่องมือสำหรับการหายใจซึ่งยกตัวไปมาได้สะดวก
แล้ววัดปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายใช้ขณะพักผ่อนหรือเมื่อกำลังทำงาน
และปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ขับออกมา ดังที่แสดงในรูปที่ 2
รูปที่ 2 เครื่องวัดพลังงานทางอ้อมโดยวัดปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายใช้และคาร์บอนไดออกไซค์ที่ขับออกมา
ที่มา : Wardlaw, Hampl and Disilvestro, 2004
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น